- MarGetting
จัด Free Shipping ให้ลูกค้า รู้ได้ยังไงว่าทำแล้ว จะไม่ขาดทุน หรือควรจะจัดที่เท่าไหร่ดี ?
จากที่เคยได้บอกไปถึง สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภค อันดับแรกๆ คือ #จัดส่งฟรี และข้อดีของการใช้กลยุทธ์ #FreeShipping
สำหรับร้านค้าออนไลน์ #eCommerce ที่ต้องการทำ Free Shipping เรามีวิธีการคำนวณให้ ว่าร้านค้าควรทำตรงไหน ถึงจะคุ้มค่า ไม่ขาดทุน และยังสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้า ในการสั่งซื้อสินค้าเพิ่ม ได้อีกด้วย ... #มาร์เก็ตกัน ...
(อย่าพึ่งกลัวเรื่องตัวเลขกันนะ) เพราะถ้าไม่อยากขาดทุน ก็ต้องวัดผลลัพธ์ที่ตัวเลขนี้แหละ อาจต้องใช้ความรู้ทางบัญชี เบื้องต้น ด้วยนิดหน่อย ซึ่งผู้ประกอบการเข้าใจตามได้ ไม่ยากครับ ...

📌 ก่อนอื่น เราจะต้องมีข้อมูลของการซื้อสินค้า ดังนี้
1. จำนวน Orders
(อาจใช้ข้อมูลการสั่งซื้อ ย้อนหลัง 6 เดือน หรือ 1 ปี , ซึ่งถ้ายิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งคำนวณข้อมูลได้แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น)
2. ราคาเฉลี่ยของ Order (หรือ ค่าเฉลี่ยต่อ Order ที่ลูกค้าสั่งซื้อ)
> ซึ่งหาได้จาก นำยอดขายทั้งหมด หารด้วย จำนวน Orders ในข้อที่ (1)
3. กำไรของสินค้า (% Profit Margin)
อันนี้ทุกร้านค้า น่าจะมีข้อมูลอยู่แล้ว , แต่แนะนำว่า ให้ปรับมาเป็น % ของกำไรสินค้า เพราะบางอย่าง สินค้าราคาไม่เท่ากัน แต่ % ของกำไร ส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกัน (หรือถ้าอยากให้เป๊ะมาก แนะนำให้แยกคิดแต่ละหมวดหมู่สินค้าไปเลย)
เช่น สินค้า ราคา 100 บาท ได้กำไร 20 บาท > เท่ากับ Profit Margin 20%
4. ค่าเฉลี่ยของค่าจัดส่ง ต่อการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า
> หาได้จาก การรวมยอดค่าจัดส่งทั้งหมด หารด้วย จำนวนออร์เดอร์ ในข้อที่ (1)
📌 จากนั้น นำข้อมูลข้างต้น มาคำนวณต่อ ดังนี้ ...
STEP 1 : เราจะดูก่อนว่า กำไรสินค้าเรา พอที่จะจัด Free Shipping ได้ไหม ?
โดยการ คิดจาก 2 ส่วน
- คิดด้านกำไรสินค้าเฉลี่ย จากการนำข้อที่ (1) x (2) x (3) = (A)
- คิดด้านค่าจัดส่งเฉลี่ย จากการนำข้อที่ (1) x (4) = (B)
- สุดท้าย หากำไรสุทธิ จากการนำ ด้านกำไรสินค้า ลบ ด้านค่าจัดส่ง (A) - (B) = ____ (Net Profit)
ถ้าได้ตัวเลข ติดลบ หรือเป็น ศูนย์ แสดงว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้า ไม่ครอบคลุม กำไรสินค้า ดังนั้น สินค้าประเภทนี้ เราไม่ควรจัด Free Shipping นะครับ
แต่ถ้าได้ตัวเลข เป็นบวก แสดงว่า มีกำไรของสินค้า มากกว่า ค่าจัดส่ง ฉะนั้น สินค้าประเภทนี้ สามารถจัด Free Shipping ได้ครับ
STEP 2 : แล้วเราควรจะจัด Free Shipping ที่ราคาเท่าไหร่ดี ?
โดยปกติ สำหรับผู้ประกอบการ ที่ได้ตัวเลขเป็นบวก และพอใจกับตัวเลข(กำไร)นั้น ก็สามารถจัดที่ราคาเฉลี่ยต่อ Order ได้เลย
จากตัวอย่าง ราคาเฉลี่ยต่อ Order คือ 200 บาท (ก็คือ ซื้อสินค้าครบ 200 บาท จัดส่งฟรี)
แต่เราอยากแนะนำ ให้จัดมากกว่า ราคาเฉลี่ยต่อ Order โดยประมาณ 10-20 % เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าเพิ่ม
เช่น มูลค่าเฉลี่ยต่อการสั่งซื้อ คือ 200 บาท (แนะนำให้จัด Free Shipping ที่ 220 บาทขึ้นไป)
* จากการคำนวณนี้ เป็นตัวเลขที่ควรเริ่มต้นทำ Free Shipping Threshold ส่วนใครจะทำเกินกว่านั้น ก็แล้วแต่จะพิจารณาตามความเหมาะสม ตามกำไรของสินค้าท่าน ... แต่ถ้ากำหนดราคาที่สูงเกินไป มากกว่ามูลค่าเฉลี่ยเยอะ ก็เปล่าประโยชน์ นั่นเอง ...
📌 สุดท้าย : เราจะเห็นว่า คนที่จะคิดและทำกลยุทธ์นี้ให้ประสบความสำเร็จได้ จะต้องมีข้อมูลก่อน. ซึ่งนี้แหละเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจ และการชนะกันในทางการตลาด ฉะนั้น ถ้าวันนี้ใครยังไม่มีข้อมูล ก็ควรจะเริ่มเก็บ Data ลูกค้าได้แล้วนะครับ